วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2557

ติโรกุฑฑกัณฑคาถา

(ข้อแนะนำ : click ฟังเสียงสวดใน video ด้านล่าง แล้วกลับมาอ่านบทสวดไปพร้อมเสียงสวดใน video)
ติโรกุฑฑกัณฑคาถา

อะทาสิ เม อะกาสิเม ญาติมิตตา สะขา จะเม,
บุคคลมาระลึกถึงอุปการะอันท่านได้ทำแก่ตนในกาลก่อนว่า,
ผู้นี้ได้ให้สิ่งนี้แก่เรา, ผู้นี้ได้ทำกิจนี้ของเรา,
ผู้นี้เป็นญาติเป็นมิตรเป็นเพื่อนของเรา, ดังนี้,

เปตานัง ทักขิณัง ทัชชา ปุพเพ กะตะนะมะนุสสะรัง,
ก็ควรให้ทักษิณาทาน, เพื่อผู้ละโลกนี้ไปแล้ว.

นะ หิ รุณณัง วาโสโก วา ยาวัญญา ปะริเทวะนา.
การร้องไห้ก็ดี, การเศร้าโศรกก็ดี,
หรือการร่ำไรรำพันอย่างอื่นก็ดี, บุคคลไม่ควรทำทีเดียว,

นะตัง เปตานะมัตถายะ.
เพราะว่าการร้องไห้เป็นต้นนั้น,
ไม่เป็นประโยชน์แก่ญาติทั้งหลาย, ผู้ละโลกนี้ไปแล้ว.

เอวัง ติฏฐันติ ญาตะโย,
ญาติทั้งหลาย, ย่อมตั้งอยู่อย่างนั้น,

อะยัญจะ โข ทักขิณา ทินนา,

ก็ทักษิณาทานนี้แล, อันท่านให้แล้ว

สังฆัมหิ สุปะติฏฐิตา,
ประดิษฐานไว้ดีแล้วในสงฆ์,

ทีฆะรัตตัง หิตายัสสะ ฐานะโส อุปปะกัปปะติ,
ย่อมสำเร็จประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้วนั้น,
ตลอดกาลนาน ตามฐานะ,

โส ญาติธัมโม จะ อะยัง นิทัสสิโต,
ญาติธรรมนี้นั้น, ท่านได้แสดงให้ปรากฏแล้ว,

เปตานะ ปูชา จะกะตา อุฬารา,
แลบูชาอันยิ่งท่านก็ได้ทำแล้ว, แก่ญาติทั้งหลาย,
ผู้ละโลกนี้ไปแล้ว,

พะลัญจะ ภิกขูนะมะนุปปะทินนัง,
กำลังแห่งภิกษุทั้งหลาย, ชื่อว่าท่านได้เพิ่มให้แล้วด้วย,

ตุมฺเหหิ ปุญญัง ปะสุตัง อะนัปปะกันติ.
บุญไม่น้อย, ท่านได้ขวนขวายแล้ว, ดังนี้แล.

*123456

*123456

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น